
ตอนที่ 1 : มาทำความรู้จัก Higher Self ตัวตนที่สูงส่งกว่า
ในชีวิตประจำวันของทุกคน มักจะมีช่วงเวลาที่เราทุกคนอาจจะคอยตั้งคำถามว่า “จริงๆแล้วตัวตนที่แท้จริงของเราคือใคร?” “เรามีจุดประสงค์อะไรในชีวิตนี้?” และ “สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วหรือไม่?” หากทุกท่านเคยสงสัยในคำถามเหล่านี้ มันอาจจะเป็นสัญญาณที่บอกว่าคุณๆท่านๆ อาจจะกำลังเริ่มต้นเส้นทางในการค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งของตัวตนของเรามากกว่าเดิม

——————————————————

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับคำว่า “Higher Self” หรือถ้าเป็นภาษาไทย ก็คือ “ตัวตนที่สูงส่งกว่า”

คำนิยามของ Higher self
จริงๆ แล้วความหมายจะเป็นในเชิงของแนวคิดที่บ่งบอกถึงจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งของตัวเราเอง เป็นตัวตนที่เต็มไปด้วยปัญญา ความสงบ และความรัก เป็นแหล่งที่มาแห่งความจริงแท้ภายในตัวเรา (อาจนิยามอีกอย่างว่าคือ ตัวเราเมื่อตอนเราเป็นเด็กทารก)

ซึ่งตัวเราจะมีความตระหนักรู้และมุมมองที่กว้างไกลกว่าความคิดในระดับปกติของเรา (เราในปัจจุบัน) หลายๆบทความที่ผมไปอ่านเพิ่มเติมได้บอกไว้ว่า จริงๆแล้วตัวตนของเราที่อยู่ในที่แห่งนี้ (มิติที่ 3 : ที่ท่านๆกำลังอ่านบทความนี้อยู่) เป็นเพียงเศษเสี้ยวของตัวตนที่แท้จริงของเรา

แล้วตัวตนที่แท้จริงของเราอยู่ที่ไหน บทความที่ผมศึกษาเหล่านั้นได้บอกเอาไว้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของเราอยู่อีกมิติหนึ่งที่สูงกว่าที่เราจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งตัวตนของเราที่อยู่ที่นั้น แบ่ง part ส่วนหนึ่งออกมาเป็นเราคนนี้ เพื่อให้เราได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและพยายามหาความหมายของการมีตัวตนอยู่นั้นเอง ซึ่งถ้าหากเราๆทุกคน สามารถเชื่อมต่อ ตัวตนของเราที่กำลังอ่านบทความนี้ กับตัวตนที่สูงกว่า (Higher self) ที่อยู่ไกลจากที่แห่งนี้ไปได้แล้วละก็ เราอาจจะก้าวกระโดดทางความรู้สึกนึกคิด และสามารถเป็นตัวของเราใน version ที่ดีที่สุดได้เลยทีเดียว มันก็อาจจะเปรียบได้ หรือคล้ายๆจะเป็นเหมือนกับการฝึกพัฒนาจิต และการตระหนักรู้หรือเข้าใจในตัวตนของเราเอง



——————————————————
แล้วทำไมเราจึงควรเชื่อมต่อกับ Higher Self?
Answer
การเชื่อมต่อกับ Higher self จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของชีวิตของเราเองในมุมที่ลึกซึ้งกว่าเดิม เราอาจจะไม่เคยสัมผัส หรือได้เห็นมุมมองของชีวิตในด้านใหม่ๆ ซึ่งมันจะสามารถทำให้เราเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของตัวเราเอง ไม่ใช่แค่จากความปรารถนาชั่วคราว (ความอยากมี อยากได้) ที่จริงๆแล้วอาจมาจากสภาพแวดล้อมหรือแรงกดดันภายนอก(กิเลส ความต้องการ) แต่เพื่อให้แท้จริงแล้วเป็นการฝึก เพื่อให้เกิดเป็นการค้นพบตัวตนของตัวเราเอง และค้นหาความต้องการจากแก่นแท้ภายในจิตใจของเรา

ยกตัวอย่างเช่น : คนที่มีความฝันอยาก ทะเยอทะยาน อยากจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน อยากเป็นใหญ่เป็นโต มีชื่อเสียงเงินทองมากมาย

หากเมื่อได้ลองทำการฝึกจิต เชื่อมต่อกับ Higher self ของตัวเองได้แล้ว อาจจะค้นพบว่าความสำเร็จที่แท้จริงสำหรับตัวของเขา อาจจะไม่ได้หมายถึงเงินทองหรือชื่อเสียง
แต่มันคือ การได้ใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับคุณค่าของตัวเอง (การมีตัวตนอยู่) หรือการได้ช่วยเหลือและสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นก็อาจจะเป็นได้ อันนี้ยกตัวอย่างขึ้นมาเพื่อให้เห็นภาพ ในแต่ละคนเราจะมีภาพ และตัวตนที่แตกต่างกันไปนะครับ
——————————————————

เราจะเชื่อมต่อกับ Higher Self ได้อย่างไร?

Answer
การเชื่อมต่อกับ Higher self มักจะเริ่มจากการทำสมาธิ อยู่กับตัวเอง การพินิจพิจารณาตนเอง หรือแม้แต่การใช้เวลาทบทวนชีวิต (เช่นตอนอาบน้ำ เชื่อว่าทุกคนเป็นบ่อย เพราะเป็นตอนที่เรารู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด หรือแม้กระทั้งตอนก่อนนอน) ซึ่งอาจจจะช่วยให้เราได้ยินเสียงของตัวตนที่สูงส่งกว่า ที่มักจะซ่อนอยู่ภายในความวุ่นวายของจิตใจในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราเริ่มที่จะฟังและทำความเข้าใจ เราจะค่อยๆฝึกจิต แล้วเราจะสามารถก้าวข้ามความกังวลและความสงสัยในชีวิต เพื่อเข้าสู่การใช้ชีวิตที่มีความหมายและเต็มเปี่ยมด้วยสติ และหากเราทำต่อเนื่องไปเลยๆ เราจะค่อยๆเชื่อมต่อกับ higher self ของตัวเราได้ แล้วเราจะค่อยๆเปลี่ยนไป จะรู้สึกสงบมากขึ้น หวาดระแวงน้อยลง เข้าใจตัวเองมากขึ้น และสุดท้ายจะมีสมาธิ และจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้นนั้นเอง
. . .จบเรียบร้อยหวังว่าตอนแรกของซีรีย์นี้จะทำให้ทุกท่านได้รับอะไรบางอย่างไม่มากก็น้อยนะครับ

และในตอนหน้าเราจะมาศึกษาถึง ความแตกต่างระหว่าง

Higher self และ Manifest

ฝากติดตามด้วยนะครับ
Leave a comment